วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558

ในความมืด....เราจึงมองเห็นดวงดาว


ในความมืด....เราจึงมองเห็นดวงดาว

ทุกสิ่งทุกอย่าง...ที่เกิดขึ้นในชีวิตเรานั้นก็เพื่อให้เราเรียนรูที่จะมองเห็น(บางสิ่ง) ที่ซ่อนอยู่บางครั้งสิ่งร้ายๆก็อาจเกิดขึ้นเพื่อให้เราได้เรียนรู้ว่า.....(ได้เสีย)อะไรไปและบางครั้งสิ่งร้ายๆก็อาจเกิดขึ้นเพื่อให้เราได้เรียนรู้ว่า....
(ได้รับ)อะไรมา
ฉันเองก็ได้เรียนรู้จากการใช้ชีวิตเท่าที่ผ่านมาเช่นกันว่า....เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่โลกมักจะหยิบยื่น(โอกาส)มาให้กับเราท่ามกลาง(วิกฤติ)ที่ดูเหมือนจะโหดร้ายเกิดไปเสมอและเป็นเรื่องธรรมดาเสียยิ่งกว่านั้น...ที่เรามักจะมองไม่เห็น(ของขวัญ)ที่โลกหยิบยื่นมาให้จนกว่าเราจะได้ใช้เวลาอยู่กับการจมทุกข์เนิ่นนานเกินพอในจุดจุดหนึ่งที่ฉันได้เคยพบเจอวิกฤติในชีวิตมีคำกล่าวหนึ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น...นั่นคือคำกล่าวที่ว่า....
ในที่ที่มืดมนมากพอเท่านั้น  เราจึงจะมองเห็นดวงดาว
ซึ่งหมายความว่า....หากเราไม่ได้พบเจอวิกฤติในชีวิตที่โหดร้ายมากพอเราคงไม่มีวันได้มองเห็น อีกแง่มุมหนึ่งของชีวิต ที่งดงามแง่มุมที่เราพบว่า...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น......มนุษย์ทุกคนก็เข้มแข็งพอที่จะยืนหยัดและผ่านพ้นมันไปได้แงมุมที่เราได้ค้นพบว่า......บางครั้ง ทางเลือดที่ดีที่สุด ของชีวิตก็อาจจะปรากฏขึ้นหลังจากที่เราได้ถูกทำร้ายอย่างหนักหนาที่สุดในจุดจุดนั้นนั่งเองที่ฉันเริ่มจะเข้าใจ....ความมืดมนของชีวิต อาจเปลี่ยนเสมือนของขวัญที่ดีที่สุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะเคยได้รับซึ่งมันก็คือโอกาสที่เราจะได้มองเห็นสัจธรรมในความเป็นไปของชีวิตว่าบางครั้งชีวิตก็อาจมีช่วงเวลาที่ ขึ้น และ ลง .....  คงที่ และเปลี่ยนแปลง
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามในจุดที่ชีวิตได้พาเรามายืนอยู่ไม่ช้า......ก็ย่อมมีสิ่งดีๆปรากฏขึ้นตรงหน้าเราเพื่อให้เราได้เข้าใจ ดีแล้ว.......ที่มันเกิดขึ้น เสมอๆและนั่น......ก็คือความสวยงามของชีวิตที่กำลังกล่าวถึงการที่เราได้มีโอกาสสมองเห็นดวงดาวในที่ที่มืดมนที่สุดนั้น.....ช่างเป็นของขวัญที่ ล้ำค่า เหลือเกินจริงๆ




If you              have time
to whine               and complain
about               something
 then          you  have
the time to do        something
about it.

ถ้าคุณมีเวลาคร่ำครวญและพร่ำบ่นกับบางสิ่งคุณย่อมมีเวลาจัดการกับสิ่งนั้น



อ้างอิง
 เฌอมาณย์  รัตนพงศ์ตระกูล  บริษัท โกลด์ เพาเวอร์ พริ้นติ้ง จำกัด

6 ความคิดเห็น: